อ่านข่าวด้านล่างนี้แล้วงงมาก ทำไม ผจก.สาขา จึงต้องตรวจจากกล้องวงจรปิดว่าลูกค้าไม่ได้มาถอนเงินด้วยตัวเอง แสดงว่า พนง.ธนาคารสามารถถอนเงินจากสมุดบัญชีของลูกค้าได้เอง โดยไม่ต้องเสียบบัตร ปชช ตัวจริงของลูกค้าเลยงั้นหรอ? น่ากลัวมาก!!!!
นครศรีธรรมราช - สาวแบงก์แสบฉกการ์ดเพื่อนร่วมงานถอนเงินลูกค้ากว่า 8 ล้านบาท ตำรวจเชิญตัวสอบสวน สารภาพนำเงินไปซื้อบ้าน รถ และส่งเสียลูกเรียนต่างประเทศ พบประวัติเคยทำมาก่อนครั้งหนึ่งแต่ยอมชดใช้ จึงอนุโลมให้อยู่ในหน้าที่ต่อแต่ให้ย้ายสาขา
วันนี้ (10 มี.ค.) พ.ต.อ.ธวัชชัย สังฆมิตกล ผู้กำกับการ สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช สั่งการให้ พ.ต.ท.เกษมสิทธิ์ จำปาทอง รองผู้กำกับการสอบสวน และชุดสืบสวน สภ.ท่าศาลา ไปเชิญตัว นางปาริฉัตร (สงวนนามกสุล) อายุ 55 ปี เจ้าหน้าที่อำนวยบริการอาวุโสของธนาคารแห่งหนึ่ง เข้าสอบปากคำในฐานะผู้ต้องสงสัยในฐานความฐานความผิดลักทรัพย์นายจ้าง ซึ่งเป็นธนาคารต้นสังกัดของนางปาริฉัตร โดยมี นางรสรินทร์ (สงวนนามสกุล) ผู้จัดการธนาคารในฐานะผู้รับมอบอำนาจ ให้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นางปาริฉัตร โดยมีความเสียหายเป็นเงินสดที่ถูกถอนออกจากบัญชีจำนวน 2 ครั้ง วงเงินรวม 8,004,424.66 บาท
พนักงานสอบสวน สภ.ท่าศาลา ได้สอบปากคำผู้แจ้งในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากธนาคาร ได้ความว่า เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 มี.ค.2568 ที่ผ่านมา ได้ตรวจพบบัญชีของลูกค้ารายหนึ่งมีการเบิกถอนเงินออกไป 2 ครั้ง ครั้งละ 4,002,212.33 บาท ไปเข้าบัญชีชื่อว่า “ภรภัทร (สงวนนามสกุล)” สาขาอื่น และมีการเบิกถอนเงินออกมาอีกครั้งเพื่อซื้อแคชเชียร์เช็ค 2 ฉบับ ฉบับแรก 10 ล้านบาท ฉบับที่ 2 จำนวน 54,424.66 บาท จ่ายให้ผู้ใช้ชื่อว่า “ภรภัทร” เมื่อพบพิรุธจึงมีการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าเจ้าของบัญชีไม่ได้มาเบิกถอนเงิน หลังจากนั้นจึงเรียก นางปาริฉัตร มาสอบถามจึงได้ยอมรับว่าขโมยการ์ดอนุมัติประจำตัวของเพื่อร่วมงานออกมาถอนเงิน
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ส่งชุดสืบสวนออกติดตามตัว นางปาริฉัตร ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในอำเภอปากพนัง เมื่อพบตัวจึงเชิญมาสอบปากคำโดยได้รับความร่วมมือโดยดี ยอมรับสารภาพว่าครอบครัวอยู่ในสถานะแตกแยกและมีภาระค่าใช้จ่ายสูงมาก โดยเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดนั้นได้นำไปซื้อบ้านและรถ และส่งเสียให้ลูกเรียนที่ต่างประเทศ โดยลูกไม่รู้ว่าเป็นเงินที่ได้จากการกระทำความผิดในธนาคาร เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่าลักทรัพย์ซึ่งเป็นของนายจ้าง หลังจากเสร็จกระบวนการได้คุมตัวขออำนาจศาลฝากขังผลัดแรกที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่พบข้อมูลว่า นางปาริฉัตร เคยมีพฤติการทำนองนี้มาแล้วเมื่อครั้งปฏิบัติงานอยู่ในสาขาอื่น แต่ได้ยอมชดใช้ค่าเสียหาย โดยคณะกรรมการสอบสวนปรานีจากที่มีสภาพครอบครัวย่ำแย่และมีการชดใช้ จึงยังคงให้อยู่ในหน้าที่ต่อไปแต่ให้ย้ายสาขา กระทั่งมาเกิดเหตุซ้ำอีก
เวลาถอนเงินที่ธนาคาร พนง.จะต้องเสียบบัตร ปชช ตัวจริงเพื่อยืนยันตัวตนทุกครั้ง ทำไม ผจก.สาขาถึงต้องตรวจจากกล้องล่ะ?
นครศรีธรรมราช - สาวแบงก์แสบฉกการ์ดเพื่อนร่วมงานถอนเงินลูกค้ากว่า 8 ล้านบาท ตำรวจเชิญตัวสอบสวน สารภาพนำเงินไปซื้อบ้าน รถ และส่งเสียลูกเรียนต่างประเทศ พบประวัติเคยทำมาก่อนครั้งหนึ่งแต่ยอมชดใช้ จึงอนุโลมให้อยู่ในหน้าที่ต่อแต่ให้ย้ายสาขา
วันนี้ (10 มี.ค.) พ.ต.อ.ธวัชชัย สังฆมิตกล ผู้กำกับการ สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช สั่งการให้ พ.ต.ท.เกษมสิทธิ์ จำปาทอง รองผู้กำกับการสอบสวน และชุดสืบสวน สภ.ท่าศาลา ไปเชิญตัว นางปาริฉัตร (สงวนนามกสุล) อายุ 55 ปี เจ้าหน้าที่อำนวยบริการอาวุโสของธนาคารแห่งหนึ่ง เข้าสอบปากคำในฐานะผู้ต้องสงสัยในฐานความฐานความผิดลักทรัพย์นายจ้าง ซึ่งเป็นธนาคารต้นสังกัดของนางปาริฉัตร โดยมี นางรสรินทร์ (สงวนนามสกุล) ผู้จัดการธนาคารในฐานะผู้รับมอบอำนาจ ให้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นางปาริฉัตร โดยมีความเสียหายเป็นเงินสดที่ถูกถอนออกจากบัญชีจำนวน 2 ครั้ง วงเงินรวม 8,004,424.66 บาท
พนักงานสอบสวน สภ.ท่าศาลา ได้สอบปากคำผู้แจ้งในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากธนาคาร ได้ความว่า เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 มี.ค.2568 ที่ผ่านมา ได้ตรวจพบบัญชีของลูกค้ารายหนึ่งมีการเบิกถอนเงินออกไป 2 ครั้ง ครั้งละ 4,002,212.33 บาท ไปเข้าบัญชีชื่อว่า “ภรภัทร (สงวนนามสกุล)” สาขาอื่น และมีการเบิกถอนเงินออกมาอีกครั้งเพื่อซื้อแคชเชียร์เช็ค 2 ฉบับ ฉบับแรก 10 ล้านบาท ฉบับที่ 2 จำนวน 54,424.66 บาท จ่ายให้ผู้ใช้ชื่อว่า “ภรภัทร” เมื่อพบพิรุธจึงมีการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าเจ้าของบัญชีไม่ได้มาเบิกถอนเงิน หลังจากนั้นจึงเรียก นางปาริฉัตร มาสอบถามจึงได้ยอมรับว่าขโมยการ์ดอนุมัติประจำตัวของเพื่อร่วมงานออกมาถอนเงิน
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ส่งชุดสืบสวนออกติดตามตัว นางปาริฉัตร ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในอำเภอปากพนัง เมื่อพบตัวจึงเชิญมาสอบปากคำโดยได้รับความร่วมมือโดยดี ยอมรับสารภาพว่าครอบครัวอยู่ในสถานะแตกแยกและมีภาระค่าใช้จ่ายสูงมาก โดยเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดนั้นได้นำไปซื้อบ้านและรถ และส่งเสียให้ลูกเรียนที่ต่างประเทศ โดยลูกไม่รู้ว่าเป็นเงินที่ได้จากการกระทำความผิดในธนาคาร เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่าลักทรัพย์ซึ่งเป็นของนายจ้าง หลังจากเสร็จกระบวนการได้คุมตัวขออำนาจศาลฝากขังผลัดแรกที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่พบข้อมูลว่า นางปาริฉัตร เคยมีพฤติการทำนองนี้มาแล้วเมื่อครั้งปฏิบัติงานอยู่ในสาขาอื่น แต่ได้ยอมชดใช้ค่าเสียหาย โดยคณะกรรมการสอบสวนปรานีจากที่มีสภาพครอบครัวย่ำแย่และมีการชดใช้ จึงยังคงให้อยู่ในหน้าที่ต่อไปแต่ให้ย้ายสาขา กระทั่งมาเกิดเหตุซ้ำอีก